วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเสษ EAED 22049
เวลาเรียน 11.30 - 14.00 น.
บันทึกครั้งที่ 3
- เด็กที่อวัยวะไม่สมส่วน
- อวัยวะส่วนหนึ่งหายไป
- มีปัญหาทางระบบประสาท
- มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
จำแนกได้เป็น
1. อาการบกพร่องทางร่างกาย
2. ความบกพร่องทางสุขภาพ
ความบกพร่องทางด้านร่างกาย
ซี.พี Cerebral Palsy สมองพิการ
- เป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทลายก่อนคลอด ระหว่างคลอดหรือหลังคลอด
- การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพ๊ มีความบกพรองที่เกิดจากส่วนต่างๆของสมองแตกต่างกัน
อาการ
- อัมพาตเกร็งของแขนขา หรือครีกซีก (Spastic)
- อัมพาตของลีลาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (Athetoid)
- อัมพาตสูญเสียการทรงตัว (Ataxia)
- อัมพาตตึงแข็ง (Rigid)
- อัมพาตแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง Muscular Distrophy
- เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆเสื่อมสลายตัว
- เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
- จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ Orthopedic
- ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Clup Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
- ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง
- กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
- มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
- ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืน เดิน ได้ด้วยอุปกรณ์
แขนขาด้วนแต่กำเนิด Limb Deficiency
โรคกระดูกอ่อน Osteogenesis Lmperfeta
ความบกพร่องทางสุขภาพ
โรคลมชัก Epilepsy
- เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของนะบบสมอง
1. ลมบ้าหมู (Grand Mal)
- เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึก ในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
2. การชักในช่วงเวลาสั้น (Petit Mal)
- เป็นอารชักช่วงระยะเวลาสั้นๆ 5-10 วินาที
- เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
- เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
3. ชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
- เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็งเกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหายและนอนหลับไปชั่วครู่
4. อาการชักแบบ Partial Complex
- เกิดอาการเป็นระยะๆ
- กัดริมฝีปาก ไม่รู้สึกตัว ถูตามแขนขา เดินไปมา
- บางคนอาจเกิดความโกรธหรือโมโห หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
5. อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
- เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคเบาหวาน Diabetes Mellitus
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ Rheumatiod Arthritis
โรคศีษะโต Hydrocephalus
โรคหัวใจ Cardiac Conditions
โรคมะเร็ง Cancer
เลือดไหลไม่หยุด Hemophilia
ลักษณะของเด็กบกพร่อทางร่างกายและสุขภาพ
- มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
- ท่าเเดินคล้ายกรรไกร
- เดินขากะเผลกหรืออึดอาดเชื่องช้า
- ไอเสียงแห้งบ่อยๆ
- มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
- หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม
- หกล้มบ่อยๆ
- หิวและกระหายน้ำอย่างเกินกว่าเหตุ
5. เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา (Children with Speech and Language Disorders)
เด็กที่พูดไม่ชัด ออกเสียงผิดเพี๊ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้นตอน การใช้อวัยวะเพื่อการพูดไม่เป็นไปดังตั้งใจ มีอากัปกิริยาที่ผิดปกติขณะพูด
1. ความผิดปกติด้านการออกเสียง
- ออกผิดเพี๊ยนไปจากมาตรฐาน
- เพิ่มหน่วยเสียงเข้าในคำโดยไม่จำเป็น
- เอาเสียงหนึ่งมาแทนเสียงหนึ่ง เช่น กวาด เป็น ฟาด
2. ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
3. ความผิดปกติด้านเสียง
- ระดับเสียง
- ความดัง
- คุณภาพของเสียง
4. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมองโดยทั่วไปเรียกว่า Dysphasia หรือ Aphasia
4.1 ) Motor Apasia
- เด็กที่เข้าใจคำถาม หรือ คำสั่ง แต่พูดไม่ได้ ออกเสียงลำบาก
- พูดช้าๆพอพูดตามได้บ้างเล็กน้อย บอกชื่อของพอได้
- พูดไม่ถูกไวยากรณ์
4.2 ) Wernicke's Aphasia
- เด็กที่ไม่เข้าใจคำถาม หรือ คำสั่ง ได้ยินแต่ไม่เข้าใจความหมาย
- ออกเสียงไม่ติดขัด แต่มักใช้คำผิดๆหรือใช้คำสั่งอื่นซึ่งไม่มีความหมายมาแทน
4.3 ) Conduction Aphasia
- เด็กที่ออกเสียงได้ไม่ติดขัด เข้าใจคำถามดี แต่พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้ มักเกิดร่วมไปกับอัมพาตของร่างกายซีกขวา
4.4 ) Nominal Aphasia
- เด็กที่ออกเสียงได้ เข้าใจคำถามดี พูดตามได้ แต่บอกชื่อวัตถุไม่ได้เพราะลืมชื่อ บางทีก็ไม่เข้าใจความหมายขอคำ มักเกิดร่วมไปกับ Gerstmann ' s syndrome
4.5 ) Global Apasia
- เด็กที่ไม่เข้าใจทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน
- พูดไม่ได้เลย
4.6 ) Sensory Agraphia
- เด็กที่เขียนเองไม่ได้ เขียนตอบคำถามหรือเขียนชื่อวัตถุก็ไม่ได้ มักเกิดร่วมกับ Gerstmann ' s syndrome
4.7 ) Motor Agraphia
- เด็กที่ลอกตัวเขียนหรือตัวพิมพ์ไม่ได้
- เขียนตามคำบอกไม่ได้
4.8 ) Cortical Alexia
- เด็กที่อ่านไม่ออก เพราะไม่เข้าใจภาษา
4.9 ) Motor Alexia
- เด็กที่เห็นตัวเขียนหรือตัวพิมพ์ เข้าใจความหมายแต่อ่านออกเสียงไม่ได้
4.10 ) Gerstmann ' s syndrome
- ไม่รู้จักชื่อนิ้วตัวเอง (fingeragnosia)
- ไม่รู้ซ้ายขวา(allochiria)
- คำนวณไม่ได้ (acalculia)
- เขียนไม่ได้ (agrphia)
- อ่านไม่ออก (alexia)
4.11 ) Visual Agnosia
- เด็กที่มองเห็นวัตถุ แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร บางที่บอกชื่อนิ้วตัวเองไม่ได้
4.12 ) Auditory Agnosia
- เด็กที่ไม่มีความบกพร่องทางการได้ยินแต่แปลความหมายของคำหรือประโยคที่ได้ยินไม่เข้าใจ
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
- ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบาๆและอ่อนแรง
- ไม่งอแงภายในอายุ 10 ขวบ
- ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
- หลัง3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
- ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
- หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบรูณ์ในระดับประถมศึกษา
- มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
- ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย